CHERY กับภารกิจปักหมุดประเทศไทยสู่การเป็นฐานการผลิต EV แห่งใหม่
หากพูดถึงกระแสโลกที่มาแรงในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และประเทศไทยก็ไม่ตกขบวนแน่นอน เมื่อบริษัท CHERY Automobile จากจีน ได้เข้ามาร่วมมือกับภาครัฐอย่างจริงจัง เป้าหมายไม่ใช่แค่ขายรถ แต่คือการวางรากฐานอุตสาหกรรมใหม่ของชาติ
CHERY คือผู้ผลิตรถยนต์ที่คร่ำหวอดในวงการกว่า 20 ปี มียอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 14 ล้านคัน และดำเนินธุรกิจในกว่า 50 ประเทศ โดยการเข้ามาร่วมทุนและร่วมพัฒนาแบรนด์ EV “OMODA & JAECOO” ในไทย คือสัญญาณแห่งยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
- โครงการเริ่มต้นด้วยการตั้งโรงงานในจังหวัดระยอง บนพื้นที่ 104 ไร่ กำลังการผลิตในเฟสแรกอยู่ที่ 50,000 คันต่อปี โดยวางเป้าหมายผลิตถึง 80,000 คันต่อปีภายในปี 2571
- การผลิตเริ่มต้นไตรมาส 3 ปี 2568 โดยรุ่นแรกที่จะเปิดสายการผลิตคือ JAECOO 6 EV

โรงงานแห่งนี้ไม่ได้แค่มาประกอบรถเท่านั้น แต่ยังลงทุนในระบบ CKD (Completely Knocked Down) พร้อมเทคโนโลยีหุ่นยนต์เชื่อมอลูมิเนียมความแม่นยำสูง และจะมีการจ้างแรงงานไทยตั้งแต่เฟสแรกอีกด้วย
OMODA & JAECOO กับการขยายตัวเชิงรุกในตลาดไทย
OMODA และ JAECOO เป็นแบรนด์น้องใหม่ในสายตาผู้บริโภคไทย แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองแบรนด์นี้อยู่ภายใต้ร่มเงาของ CHERY ที่แข็งแกร่งและพร้อมลุยตลาดระดับโลกแบบไม่ยั้ง
แผนรุกตลาดในไทยเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2568 ด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่น เช่น
- OMODA C5 EV Long Range ที่โดดเด่นด้านราคาและฟีเจอร์ครบครัน พร้อมแพ็กเกจดาวน์ต่ำ ผ่อนยาว และการรับประกันแบบจัดเต็ม
- JAECOO 6 EV 4WD รถ SUV ที่เน้นสายลุย พร้อมแคมเปญลดราคาพิเศษ และสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่เปลี่ยนจากรถเครื่องยนต์น้ำมัน
พร้อมกันนี้ยังเปิดตัวเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ CHS (Chery Hybrid System) และ SHS (Super Hybrid System) ที่เน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง ลดการใช้พลังงาน และรองรับสภาพการใช้งานที่หลากหลายของผู้ขับขี่ไทย

ความร่วมมือระดับประเทศ: รัฐ-เอกชนจับมือกันยกระดับ EV สัญชาติไทย
การเข้ามาของ CHERY และแบรนด์ในเครือไม่ได้มาแบบฉาบฉวย แต่เกิดจากการร่วมมือเชิงนโยบายกับภาครัฐไทย โดยเฉพาะกับกระทรวงพาณิชย์และ BOI
กิจกรรมที่สะท้อนภาพนี้ได้ดีที่สุดคือ “OMODA & JAECOO Sourcing Day” ที่จัดขึ้นปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ
- มีผู้เข้าร่วมจากบริษัทไทยกว่า 200 ราย เจรจาการค้ากับ Omoda & Jaecoo กว่า 50 บริษัท
- คาดว่ามูลค่าการซื้อขายอาจทะลุ 2,000 ล้านบาทจากเวทีนี้เพียงงานเดียว
หัวใจสำคัญของงานนี้คือการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยได้เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ทั้งรายใหญ่และรายย่อยที่มีนวัตกรรม พร้อมเน้นการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศสูงถึง 70-80% ภายใน 5 ปี

อนาคตของ EV ไทยเมื่อมี CHERY เป็นพันธมิตรหลัก
สิ่งที่น่าจับตามองคือ โครงการนี้ไม่ได้มองแค่การผลิตและขายในไทยเท่านั้น แต่คือการตั้ง “ฮับ” ที่ส่งออกไปทั้งภูมิภาค โดยเฉพาะในอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง
ภายในปีนี้ CHERY เตรียมเปิดตัวรถใหม่หลายรุ่น เช่น CHERY Tiggo 8, iCAR V23 และ Tiggo Cross พร้อมขยายดีลเลอร์ในไทยให้ครบ 30 แห่ง
อนาคตของ EV ไทยจะไม่ใช่แค่การนำเข้าและใช้งานอีกต่อไป แต่คือการมีส่วนร่วมในการออกแบบ พัฒนา ผลิต และส่งออก ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงาน มูลค่าทางเศรษฐกิจ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
CHERY, Omoda และ Jaecoo กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าวงการยานยนต์ไทยแบบไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องของยอดขายหรือจำนวนโชว์รูม แต่คือการวางรากฐานใหม่ของอุตสาหกรรม ด้วยการลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนไทย
การเปลี่ยนผ่านสู่ EV สำหรับไทยจึงไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการวางเดิมพันระยะยาวที่มีอนาคตรองรับไว้แล้ว
เครดิตรูปภาพ omodajaecoo.co.th