ในโลกของฟอร์มูล่าวันที่หมุนเร็วยิ่งกว่าวงล้อบนแทร็ก การจากลาและการคัมแบ็กเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และตอนนี้ดูเหมือนว่า “Sergio Perez” หรือที่แฟน ๆ ชาวไทยรู้จักในชื่อ “เปเรซ” กำลังวางแผนการกลับมาครั้งสำคัญอีกครั้ง! หลังจากต้องโบกมือลาทีม Red Bull แบบไม่สวยนักในปลายปี 2024 เปเรซกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาอย่างจริงจังกับ “Cadillac F1” ทีมใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2026
เปเรซกับบทสรุปในยุค Red Bull: ปิดฉากอย่างเป็นมิตรหรือไม่?
ย้อนกลับไปในช่วงปลายปี 2024 เปเรซยังมีสัญญากับ Red Bull ถึงปี 2026 แต่ทั้งสองฝ่ายกลับบรรลุข้อตกลงในการแยกทางกันอย่างกระทันหัน ด้วยเหตุผลที่ไม่ใช่เรื่องฟอร์มการขับเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของแรงกดดันภายในทีม และวิสัยทัศน์ที่ไม่ตรงกันมากกว่า
สำหรับแฟน ๆ ที่ตามเชียร์มาโดยตลอด นี่ไม่ใช่ข่าวดีเท่าไร เพราะ Sergio Perez ถือเป็นนักแข่งที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในหมู่นักแข่งเม็กซิกัน ด้วยสถิติชนะการแข่งขัน 6 สนาม และมีบทบาทสำคัญในการสร้างผลงานรวมของทีม Red Bull หลายฤดูกาล
หลายเสียงในวงการต่างตั้งข้อสังเกตว่า การที่เปเรซถูกแทนที่อย่างรวดเร็วนั้นสะท้อนถึงความโหดร้ายของโลก F1 ที่มีแต่ผลลัพธ์เท่านั้นที่วัดค่าได้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ กลายเป็นเพียงตัวประกอบในเกมแห่งความเร็วนี้
ทำไม Cadillac F1 ถึงสนใจ Sergio Perez?
การมาของทีมใหม่อย่าง Cadillac F1 ในปี 2026 ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการตั้งทีมแข่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้น การได้ตัวเปเรซ ซึ่งเป็นนักแข่งมากประสบการณ์และยังมีฐานแฟนคลับทั่วโลก ถือเป็นไพ่เด็ดที่ Cadillac ต้องการมาวางบนโต๊ะ
โดยมีการเปิดเผยว่าทีม Cadillac ต้องการผสมผสานนักแข่ง 2 ประเภทสำหรับปีแรกของพวกเขา: นักขับชาวอเมริกันรุ่นใหม่ไฟแรง (โดยมีชื่อ Colton Herta แห่ง IndyCar เป็นตัวเต็ง) คู่กับนักขับประสบการณ์สูงอย่าง Sergio Perez เพื่อบาลานซ์พลังของทีม
อย่างไรก็ตาม การเจรจายังติดอยู่ที่รายละเอียดเล็กน้อย โดยเฉพาะในเรื่อง “ค่าตอบแทน” และ “โครงสร้างทีม” ที่เปเรซอยากให้แน่ใจว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่ ไม่ใช่แค่เซ็นชื่อแล้วกลายเป็นนักขับ “ตกแต่งโชว์” เท่านั้น
เปเรซพูดอะไรเกี่ยวกับอนาคตตัวเอง?
ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับเว็บไซต์ทางการของ F1 เปเรซเปิดใจแบบไม่กั๊กว่า เขาเปิดรับข้อเสนอจากหลายทีม และพร้อมจะหวนคืนสังเวียนหากพบโปรเจกต์ที่ทำให้ “ใจเต้น” อีกครั้ง
“ผมไม่อยากกลับมาแค่เพื่อกลับมา ผมอยากมีส่วนร่วมในโปรเจกต์ที่เชื่อมั่นในตัวผม ให้คุณค่ากับประสบการณ์ และทำให้ผมสนุกกับการแข่งได้จริง ๆ”
เปเรซยังเสริมอีกว่า เขาใช้เวลาหลังออกจาก Red Bull ทบทวนชีวิต และเข้าใจมากขึ้นว่าการอยู่ใน F1 ต้องเสียสละแค่ไหน ทั้งเวลา ชีวิตส่วนตัว และอิสระอื่น ๆ ดังนั้น การตัดสินใจครั้งนี้จึงต้องมีความหมายจริง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรือชื่อเสียง
และแม้ว่ายังไม่มีการลงนามในสัญญาอย่างเป็นทางการ แต่กระแสข่าวจากฝั่ง Cadillac F1 ก็รายงานตรงกันว่า การพูดคุยกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี และเปเรซก็เป็น “เป้าหมายอันดับต้น ๆ” ของทีมสำหรับเก้าอี้ตัวสำคัญนี้
คู่แข่งของเปเรซในศึกชิงที่นั่ง Cadillac F1
อย่าคิดว่าเส้นทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะแว่ว ๆ ว่า มีอีกอย่างน้อย 2 นักแข่งที่อยู่ในลิสต์ของ Cadillac ด้วย นั่นคือ Valtteri Bottas และ Zhou Guanyu อดีตทีมเมทสมัยอยู่ Sauber เช่นเดียวกับเปเรซ
Mario Andretti ตำนานแชมป์โลกปี 1978 และที่ปรึกษาพิเศษของ Cadillac F1 เผยนัย ๆ ว่า การเลือกนักขับสำหรับทีมใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องคัดสรรอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างความมั่นคงระยะยาว
“มีตัวเลือกอยู่ในใจเราแล้ว แต่เราจะไม่เปิดเผยตอนนี้ เพราะอะไร ๆ ยังไม่แน่นอน จนกว่าทุกอย่างจะลงตัว”
นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เปเรซดูน่าสนใจยิ่งขึ้น คือฟอร์มที่น่าผิดหวังของผู้สืบทอดเก้าอี้เขาที่ Red Bull หลังเปเรซออกมา ทำให้ชื่อเสียงของเขาในสายตาทีมอื่น ๆ พุ่งกลับมาโดดเด่นอีกครั้งอย่างชัดเจน
สรุป: เปเรซกำลังจะกลับมา แล้วแฟน ๆ พร้อมหรือยัง?
การกลับมาของ Sergio Perez หากสำเร็จจริงในปี 2026 กับ Cadillac F1 จะไม่ใช่แค่การเซ็นสัญญาหนึ่งใบเท่านั้น แต่มันคือบทพิสูจน์อีกครั้งถึงคุณค่าของนักขับผู้ไม่เคยยอมแพ้แม้ในวันที่ตกต่ำที่สุด
ในโลกที่หมุนเร็วอย่าง F1 ชื่อเสียงวันนี้อาจกลายเป็นฝุ่นวันพรุ่งนี้ แต่คนที่กลับมายืนได้ด้วยฝีมือจริง ๆ เท่านั้น คือคนที่คู่ควรกับการจดจำ
แฟน ๆ Sergio Perez ล่ะ พร้อมจะตะโกนเชียร์ “Checo! Checo!” กันอีกครั้งหรือยัง? หากใช่… ปี 2026 จะเป็นอีกปีที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้ฤดูกาลไหน ๆ แน่นอน!