คาร์ลอส ซายน์ซ ซีเนียร์ กับกระแสข่าวชิงตำแหน่งประธาน FIA

เบื้องหลังความเคลื่อนไหว – ทำไมชื่อของ “Carlos Sainz Sr.” ถึงมาแรงในเวที FIA?

ในโลกของมอเตอร์สปอร์ตที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หนึ่งในข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงมากในช่วงต้นปี 2025 คือ ความเป็นไปได้ที่ “คาร์ลอส ซายน์ซ ซีเนียร์” อดีตแชมป์โลกแรลลี่ 2 สมัย และแชมป์ดาการ์แรลลี่ 4 ครั้ง อาจจะลงชิงตำแหน่งประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA ในปลายปีนี้

แม้ในอดีตเขาจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับงานบริหารของ FIA แต่ด้วยประสบการณ์ในสนามและการเป็นบุคคลสาธารณะที่น่าเคารพในวงการแข่งรถ เขากลายเป็นตัวเลือกที่น่าจับตาในสายตาของผู้สนับสนุนจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงที่องค์กรกำลังเผชิญกับแรงกดดันภายในและความไม่พอใจต่อผู้นำปัจจุบัน

มีรายงานว่า มีบุคคลสำคัญในวงการมอเตอร์สปอร์ตจำนวนหนึ่ง ได้เข้าพบและหารือกับซายน์ซ ซีเนียร์ เพื่อผลักดันให้เขาลงสมัครในการเลือกตั้งปลายปี ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้นี้

ปัญหาภายใน FIA – ความไม่โปร่งใสที่กลายเป็นเงาทะมึน

ผู้นำปัจจุบันของ FIA อย่าง โมฮาเหม็ด เบน ซูลาเยม ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายปี 2021 กำลังเผชิญกับคลื่นวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ทั้งจากภายในองค์กรและบุคคลในวงการ F1 และมอเตอร์สปอร์ตโดยรวม

ภายใต้การนำของเบน ซูลาเยม มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายรายลาออกอย่างต่อเนื่อง เช่น เดโบราห์ เมเยอร์ ประธานคณะกรรมการสตรี FIA, สตีฟ นีลเซ่น ผู้อำนวยการแข่งขัน, ทิม กอสส์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค รวมถึงนาตาลี โรบิน CEO ที่ลาออกเพียงไม่ถึงปีหลังเข้ารับตำแหน่ง

หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า การตัดสินใจของเบน ซูลาเยม ขาดกระบวนการที่เหมาะสม และไม่โปร่งใส โดยเฉพาะเมื่ออดีตรองประธานฝ่ายกีฬาอย่าง โรเบิร์ต รีด ประกาศลาออก โดยให้เหตุผลว่าไม่สามารถยอมรับวิธีการบริหารที่ไร้การปรึกษาหารือ และเต็มไปด้วยการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป

นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ที่สมาชิกของคณะกรรมการมอเตอร์สปอร์ตโลก (WMSC) บางรายถูกถอดออก เนื่องจากปฏิเสธการลงนามในสัญญา NDA ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นสัญญาที่สมาชิกบางคนเห็นว่าเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ และละเมิดความเป็นประชาธิปไตยในองค์กร

ซายน์ซ Sr. กับภาพลักษณ์นักแข่งมืออาชีพที่มีหัวใจนักปกครอง

คาร์ลอส ซายน์ซ ซีเนียร์ ไม่เพียงแต่เป็นบิดาของนักแข่ง F1 อย่าง Carlos Sainz Jr. เท่านั้น แต่เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะนักแข่งที่มีระเบียบวินัย ความคิดอ่าน และวุฒิภาวะที่โดดเด่นในสนามแข่งขัน

ในช่วงที่เขาครองความยิ่งใหญ่ในวงการแรลลี่ ความสามารถในการสื่อสาร ความเป็นผู้นำ และการเข้าใจกลไกของทีมงาน ทำให้เขาได้รับความเคารพทั้งจากเพื่อนร่วมทีมและคู่แข่ง

หลายฝ่ายเชื่อว่า หากเขาก้าวเข้าสู่เวทีบริหาร เขาจะสามารถนำพาวิสัยทัศน์ใหม่ๆ เข้ามาช่วยพลิกฟื้นความเชื่อมั่นใน FIA ได้ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องความโปร่งใส การบริหารแบบมีส่วนร่วม และการสร้างเสถียรภาพในระยะยาว

• เขาไม่เคยมีประวัติอื้อฉาวใด ๆ ทั้งในและนอกสนาม
  
• ได้รับรางวัล Prince of Asturias จากประเทศสเปน เป็นเครื่องยืนยันถึงความทุ่มเทและคุณธรรมในอาชีพ
  

แม้หลายคนจะมองว่าเขาเป็นมือใหม่ในด้านการบริหาร แต่ด้วยแบ็กกราวด์ที่เต็มไปด้วยความเข้าใจในวงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างลึกซึ้ง ซายน์ซจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังใหม่ในสายตาของผู้รักความเปลี่ยนแปลง

การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง – จุดเปลี่ยนแห่งอนาคต FIA?

ตามกฎระเบียบของ FIA ประธานองค์กรต้องมีอายุต่ำกว่า 70 ปีในวันเลือกตั้ง และสามารถดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 3 วาระ รวมไม่เกิน 12 ปี ซึ่งหมายความว่าการเลือกตั้งในปลายปี 2025 นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ก็เป็นได้

นอกจากซายน์ซแล้ว ยังมีข่าวลือว่าบุคคลอื่นๆ ก็อยู่ในระหว่างพิจารณาลงสมัครเช่นกัน สะท้อนถึงแรงกระเพื่อมภายในที่ต้องการทางเลือกใหม่ๆ

การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การลงคะแนนเสียงขององค์กรสมาชิกเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนการลงประชามติของคนในวงการทั้งหมด ว่าจะเดินหน้าต่อในแนวทางเดิม หรือจะเปิดรับพลังจากคนรุ่นใหม่ ผู้มีมุมมองจากสนามแข่งจริง ๆ

สิ่งที่หลายฝ่ายจับตามองคือวาระสำคัญ เช่น:

• การยกระดับความโปร่งใสของ FIA
  
• การปฏิรูปโครงสร้างการบริหารงาน
  
• ความสัมพันธ์กับ F1 และองค์กรแข่งระดับโลกอื่นๆ
  

ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นตัวชี้วัดว่า ประธานคนใหม่จะพา FIA ไปในทิศทางใดในศตวรรษใหม่