ในโลกของ Formula 1 ที่การแข่งขันเป็นเรื่องของเสี้ยววินาที ทีมและวิศวกรต่างแสวงหาทุกความได้เปรียบทางเทคนิคที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ทีมตัวเองขึ้นหน้าได้ และหนึ่งใน “หมัดเด็ด” ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในยุคใหม่ของ F1 ก็คือ “DRS” หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Drag Reduction System ระบบลดแรงต้านอากาศ
พูดง่าย ๆ ก็คือ DRS เป็นกลไกที่ช่วยให้รถแข่ง “แหวกอากาศ” ได้ดีขึ้น โดยเปิดปีกหลังของรถให้มีรูเปิด ลดแรงกด (downforce) ลงชั่วคราว เพื่อให้รถวิ่งเร็วขึ้นในทางตรง ซึ่งช่วยในการ “แซง” ได้ดีขึ้นมาก
แต่ DRS ไม่ใช่จะเปิดได้ทุกที่ ทุกเวลา — มีเงื่อนไขและข้อจำกัดที่เข้มงวด เพื่อไม่ให้มันกลายเป็น “ปุ่มโกง” ที่ใครกดก่อนก็ชนะไปเลย
กฎการใช้ DRS ในสนาม: ไม่ใช่เปิดแล้วพุ่งได้ทันที!
ระบบ DRS ถูกควบคุมโดย FIA อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและปลอดภัยในการแข่งขัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่อาจเกิดอุบัติเหตุ หรือความไม่เสถียรในสนาม
กติกาสำคัญเกี่ยวกับการใช้ DRS มีดังนี้:
- ใช้ได้เมื่ออยู่ใน DRS Zone เท่านั้น — สนาม F1 แต่ละแห่งจะมี “โซน DRS” กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นช่วงทางตรงยาวที่ปลอดภัยพอให้เปิดปีกหลังได้ เช่น ทางตรงหลังโค้งยาว หรือทางตรงหน้าพิท
- ต้องอยู่ห่างจากรถคันหน้าไม่เกิน 1 วินาที — ระบบจะอนุญาตให้ใช้ DRS เฉพาะกรณีที่คุณตามหลังรถคันหน้าในระยะเวลาไม่เกิน 1 วินาที ณ จุดตรวจจับ DRS ที่กำหนดไว้ (เรียกว่า DRS Detection Point)
ในช่วง Qualifying (รอบคัดเลือก) หรือ Free Practice นักแข่งสามารถใช้ DRS ได้อิสระในโซนที่กำหนด โดยไม่ต้องมีรถคันหน้าให้ไล่ ส่วนใน การแข่งขันจริง จะใช้ได้หลังจากผ่านไป 2 รอบแรก และต้องอยู่ในเงื่อนไขการไล่ตามเท่านั้น
DRS ใช้ไม่ได้ตอนไหน? แล้วใครเป็นคนสั่ง?
ถึงแม้ DRS จะดูเท่และช่วยให้การแข่งสนุกขึ้น แต่ความปลอดภัยคืออันดับหนึ่ง ดังนั้นกรรมการสนามหรือ Race Director สามารถสั่งระงับการใช้ DRS ได้ทุกเมื่อหากเห็นว่าไม่ปลอดภัย เช่น:
- มี ฝนตก หรือ พื้นสนามลื่น
- มี อุบัติเหตุ หรือธงเหลืองในโซน DRS
- เกิด เหตุการณ์ Safety Car หรือ Virtual Safety Car
หลังจาก Safety Car ออกไปจากสนาม DRS จะยังไม่สามารถใช้ได้ทันที นักแข่งต้องรอให้ผ่านไปอีก 2 รอบก่อนจึงจะสามารถเปิดใช้ได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ หากเกิดการห้ามใช้ DRS ในช่วงคัดเลือก Q1, Q2 หรือ Q3 การห้ามจะคงอยู่ตลอดช่วงเวลานั้น แม้ว่าสภาพอากาศจะดีขึ้นในภายหลัง

ทำไม DRS ถึงยังไม่เพียงพอ? แล้วอนาคตจะไปทางไหน?
แม้ว่า DRS จะทำให้การแซงกันในสนามมีมากขึ้น และเพิ่มความตื่นเต้นให้กับผู้ชม แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์จากทั้งนักแข่งและแฟน ๆ ว่า “มันง่ายเกินไป” หรือ “แซงแบบไม่ต้องวัดฝีมือ” เพราะเมื่อเปิด DRS แล้ว รถจะเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้บางครั้งการแซงดูไม่เมคเซนส์
บางคนจึงเรียกมันว่า “ปุ่มโกงแบบถูกกฎหมาย” ซึ่งก็ไม่ผิดนักหรอกนะ เพราะถ้าใช้ในทางที่ถูก มันก็ช่วยให้เกมไม่กลายเป็น “ขบวนรถไฟ” ที่ใครอยู่หน้าก็ชนะไปเลย
แต่ในอนาคต FIA ก็เริ่มคิดว่า DRS อาจต้องถูกปรับบทบาท เช่น:
- เปลี่ยน DRS ให้เป็นฟังก์ชันด้านความปลอดภัยมากกว่าการเร่งแซง เช่น ช่วยลดแรงกดเฉพาะบางสนาม
- จำกัดจำนวนครั้งที่สามารถใช้ได้ในแต่ละรอบ คล้ายกับระบบ ERS ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
- ใช้ร่วมกับระบบ AI ในการตรวจจับความเสี่ยงของการชน ก่อนจะอนุญาตให้ใช้ DRS
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ DRS
- DRS ไม่ได้เปิดได้ตลอดเวลา — ต้องอยู่ในโซนที่กำหนด และตามหลังไม่เกิน 1 วินาทีเท่านั้น
- สามารถถูกแบนชั่วคราวได้ — ถ้ามีเหตุการณ์ไม่ปลอดภัย หรือสนามไม่พร้อม ระบบจะถูกปิดทันที
DRS คือดาบสองคม
ถ้าไม่มี DRS การแข่ง F1 อาจจะไม่มันส์เท่านี้ แต่ถ้ามีมากไปก็อาจลดความขลังของ “การดวลความสามารถนักขับ” ดังนั้นจึงต้องควบคุมอย่างระมัดระวัง
สุดท้ายแล้ว DRS ก็เป็นเหมือนเครื่องมือช่วยเหลือ ไม่ใช่ตัวแทนของชัยชนะทั้งหมด ใครใช้ดี ใช้ถูกเวลา ก็ได้เปรียบ — แต่ใครพึ่งมันมากเกินไป ก็อาจโดนสวนได้ไม่รู้ตัว